ดาวน์โหลดไฟล์นี้เพื่อรับคำถามจริงจากการสอบการรับรองการเพิ่มยอดขายออฟไลน์ พร้อมคำตอบที่ถูกต้องและคำอธิบายที่ละเอียด ช่วยให้คุณเตรียมตัวอย่างมั่นใจและสามารถสอบผ่านได้
คำถาม คำตอบ และคำอธิบายสำหรับการรับรองการเพิ่มยอดขายออฟไลน์
หมายเหตุ เราดำเนินการตรวจสอบการอัปเดตข้อสอบทุกวัน เพื่อให้มั่นใจว่าไฟล์มีคำถามล่าสุดจากโปรแกรมการรับรองจริง
คำถาม | คำตอบ | คำอธิบาย อัปเดตฟรี
เรียนรู้ให้ฉลาดขึ้น ไม่ใช่ยากขึ้น ประหยัดเวลาในการทำข้อสอบ
ต้องการได้รับการรับรองทั้งหมดจาก Google SkillShop อย่างรวดเร็วหรือไม่?
ดูข้อเสนอพิเศษของเราที่ 👉 ข้อเสนอพิเศษ Google SkillShop Roll!. ชุดนี้ประกอบด้วยคำถาม, คำตอบ และคำอธิบายรายละเอียดสำหรับการรับรองทุกประเภทของ Google SkillShop รับทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
ระบบจะแสดงข้อมูลในข้อใดโดยใช้ชิ้นงานสถานที่ตั้งที่ลิงก์ผ่าน Google Business Profile
- รีวิว
- แอป
- ผลิตภัณฑ์
- ปุ่มโทร
คำอธิบาย: คำตอบที่ถูกต้องคือ ปุ่มโทร เนื่องจากในระบบ Google Business Profile ที่ลิงก์กับข้อมูลสถานที่ตั้ง จะมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อธุรกิจได้โดยตรงผ่านปุ่มโทรบนหน้าผลการค้นหาหรือในแอป Google Maps ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถโทรไปยังธุรกิจได้ทันทีจากข้อมูลที่แสดงบนโปรไฟล์นั้นๆ โดยที่ไม่ต้องหาข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์แยกต่างหาก ดังนั้น ปุ่มโทรจึงเป็นฟังก์ชันที่สำคัญในการเชื่อมต่อธุรกิจกับลูกค้าอย่างสะดวกและรวดเร็ว
ข้อใดคือประโยชน์หลักของ Performance Max สำหรับเป้าหมายในร้านค้า
- การควบคุมด้วยตนเองเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
- การตั้งงบประมาณอัตโนมัติเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพ
- การเน้นเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการตลาดออฟไลน์ให้มากที่สุด
- การตั้งค่าแคมเปญที่กำหนดเองได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่ตั้งไว้
คำอธิบาย: คำตอบที่ถูกต้องคือ การเน้นเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการตลาดออฟไลน์ให้มากที่สุด เนื่องจาก Performance Max เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบรรลุเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการตลาดในร้านค้าออฟไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์จากช่องทางต่างๆ ของ Google เช่น YouTube, Search, Display และอื่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการให้ลูกค้าทำการซื้อหรือเข้าร้าน โดยการตั้งเป้าหมายให้ตรงกับการกระตุ้นการเข้าถึงลูกค้าในโลกออฟไลน์เป็นหลัก นอกจากนี้ยังช่วยให้การตัดสินใจทางการตลาดมีความแม่นยำและตรงเป้าหมายมากขึ้น
ประธานฝ่ายบริหารด้านการตลาด (CMO) ที่ร้านค้าปลีกรายใหญ่แห่งหนึ่งต้องการปรับกลยุทธ์การตลาดในปัจจุบันให้ทันสมัยมากขึ้นโดยใช้ KPI ออนไลน์และออฟไลน์ ก่อนหน้านี้ทีมต่างๆ ทำงานแบบแยกส่วน ตัวเลือก 3 ข้อใดเป็นสิ่งที่ CMO ควรทำเพื่อสร้างกลยุทธ์ออนไลน์สู่ออฟไลน์ที่ครอบคลุม เลือก 3 คำตอบ
- ตั้งเป้าหมายและ KPI แยกกันสำหรับแต่ละทีม
- สร้างแรงจูงใจให้ทีมด้วย KPI และเป้าหมายที่เป็นหนึ่งเดียวกัน
- แนะนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรในด้านการจัดประชุม งบประมาณสื่อ และ KPI
- ทำความรู้จักกับทีมต่างๆ และวิธีการวัดผลเพื่อติดตามเป้าหมาย
- กระตุ้นให้เกิดการทำงานแบบแยกกันทั้งในโครงสร้างองค์กร งบประมาณ และการประชุม
คำอธิบาย: คำตอบที่ถูกต้องคือ สร้างแรงจูงใจให้ทีมด้วย KPI และเป้าหมายที่เป็นหนึ่งเดียวกัน, แนะนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรในด้านการจัดประชุม งบประมาณสื่อ และ KPI, และ ทำความรู้จักกับทีมต่างๆ และวิธีการวัดผลเพื่อติดตามเป้าหมาย เนื่องจากเพื่อให้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์และออฟไลน์เป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีความสอดคล้องกันในทุกระดับขององค์กร, CMO ควรสร้างแรงจูงใจให้ทีมงานทำงานร่วมกันผ่านการตั้ง KPI และเป้าหมายที่เหมือนกัน ซึ่งจะช่วยให้ทีมต่างๆ มุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การแนะนำให้มีการเปลี่ยนแปลงในด้านการจัดประชุม, งบประมาณสื่อ, และ KPI เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสอดคล้องในองค์กรและทำให้กลยุทธ์ออนไลน์และออฟไลน์ทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มที่ อีกทั้ง การทำความรู้จักกับทีมต่างๆ และวิธีการวัดผลเพื่อการติดตามเป้าหมายจะช่วยให้ CMO สามารถตรวจสอบและปรับกลยุทธ์ได้ตามผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงานร่วมกันของทีมต่างๆ
คุณจะเลือกวัตถุประสงค์ของแคมเปญในข้อใดเมื่อสร้างแคมเปญ Performance Max สำหรับเป้าหมายของร้านค้า
- โอกาสในการขาย
- การเข้าชมเว็บไซต์
- การเข้าชมร้านค้าและโปรโมชันในพื้นที่
- ยอดขาย
คำอธิบาย: คำตอบที่ถูกต้องคือ การเข้าชมร้านค้าและโปรโมชันในพื้นที่ เนื่องจาก Performance Max เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะในแคมเปญที่มุ่งเน้นการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาที่ร้านค้าหรือโปรโมตกิจกรรมในพื้นที่ เช่น การเข้าชมร้านหรือโปรโมชันพิเศษในร้านค้า โดยการใช้ข้อมูลและการโฆษณาผ่านช่องทางต่างๆ ของ Google เช่น YouTube, Search, Display เป็นต้น การเลือกวัตถุประสงค์นี้จึงเหมาะสมที่สุดสำหรับแคมเปญที่ต้องการผลลัพธ์ที่เน้นการเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าภายในพื้นที่ทางกายภาพของร้านค้า
คุณเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าในพื้นที่ แต่ไม่มีหน้า Landing Page สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เจาะจง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการแสดงโฆษณาสินค้าคงคลังในร้าน ฟีเจอร์ใดที่จะช่วยให้คุณลงโฆษณาสำหรับผลิตภัณฑ์ด้วยโฆษณาสินค้าคงคลังในร้านได้
- หน้าร้านในพื้นที่ที่ผลิตภัณฑ์โฮสต์
- หน้าร้านในพื้นที่ที่ Google โฮสต์
- หน้าร้านในพื้นที่ที่ผู้ขายโฮสต์
- หน้าร้านในพื้นที่ที่ Shopping โฮสต์
คำอธิบาย: คำตอบที่ถูกต้องคือ หน้าร้านในพื้นที่ที่ Google โฮสต์ เนื่องจาก Google มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เจ้าของร้านสามารถแสดงผลิตภัณฑ์ของตนในโฆษณาสินค้าคงคลังในร้านได้ โดยการใช้ Google Merchant Center และการเชื่อมโยงข้อมูลสินค้าของร้านเข้ากับ Google Ads ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้สามารถโฆษณาผลิตภัณฑ์ได้แม้ไม่มีหน้า Landing Page เฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ โดย Google จะโฮสต์ข้อมูลสินค้าของร้านและแสดงในผลการค้นหาหรือโฆษณาต่างๆ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาที่ร้านของคุณในพื้นที่นั้นๆ
คำถาม คำตอบ และคำอธิบายสำหรับการรับรองการเพิ่มยอดขายออฟไลน์
หมายเหตุ เราดำเนินการตรวจสอบการอัปเดตข้อสอบทุกวัน เพื่อให้มั่นใจว่าไฟล์มีคำถามล่าสุดจากโปรแกรมการรับรองจริง
คำถาม | คำตอบ | คำอธิบาย อัปเดตฟรี
ฉันจะหาโปรแกรมการรับรองนี้ได้ที่ไหน
โปรแกรมการรับรองนี้สามารถเข้าถึงได้ที่ แพลตฟอร์ม Google SkillShop เพียงค้นหา “การรับรองด้านการเพิ่มยอดขายออฟไลน์” และคุณจะพบมันได้อย่างรวดเร็ว ด้วยไฟล์ของเราคุณสามารถได้รับการรับรองภายในไม่กี่นาที พร้อมการอัปเดตฟรีที่รวมอยู่ด้วย
ระบบจะแสดงข้อมูลในข้อใดโดยใช้ชิ้นงานสถานที่ตั้งที่ลิงก์ผ่าน Google Business Profile
- รีวิว
- แอป
- ผลิตภัณฑ์
- ปุ่มโทร
ข้อใดคือประโยชน์หลักของ Performance Max สำหรับเป้าหมายในร้านค้า
- การควบคุมด้วยตนเองเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
- การตั้งงบประมาณอัตโนมัติเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพ
- การเน้นเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการตลาดออฟไลน์ให้มากที่สุด
- การตั้งค่าแคมเปญที่กำหนดเองได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่ตั้งไว้
ประธานฝ่ายบริหารด้านการตลาด (CMO) ที่ร้านค้าปลีกรายใหญ่แห่งหนึ่งต้องการปรับกลยุทธ์การตลาดในปัจจุบันให้ทันสมัยมากขึ้นโดยใช้ KPI ออนไลน์และออฟไลน์ ก่อนหน้านี้ทีมต่างๆ ทำงานแบบแยกส่วน ตัวเลือก 3 ข้อใดเป็นสิ่งที่ CMO ควรทำเพื่อสร้างกลยุทธ์ออนไลน์สู่ออฟไลน์ที่ครอบคลุม เลือก 3 คำตอบ
- ตั้งเป้าหมายและ KPI แยกกันสำหรับแต่ละทีม
- สร้างแรงจูงใจให้ทีมด้วย KPI และเป้าหมายที่เป็นหนึ่งเดียวกัน
- แนะนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรในด้านการจัดประชุม งบประมาณสื่อ และ KPI
- ทำความรู้จักกับทีมต่างๆ และวิธีการวัดผลเพื่อติดตามเป้าหมาย
- กระตุ้นให้เกิดการทำงานแบบแยกกันทั้งในโครงสร้างองค์กร งบประมาณ และการประชุม
คุณจะเลือกวัตถุประสงค์ของแคมเปญในข้อใดเมื่อสร้างแคมเปญ Performance Max สำหรับเป้าหมายของร้านค้า
- โอกาสในการขาย
- การเข้าชมเว็บไซต์
- การเข้าชมร้านค้าและโปรโมชันในพื้นที่
- ยอดขาย
คุณเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าในพื้นที่ แต่ไม่มีหน้า Landing Page สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เจาะจง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการแสดงโฆษณาสินค้าคงคลังในร้าน ฟีเจอร์ใดที่จะช่วยให้คุณลงโฆษณาสำหรับผลิตภัณฑ์ด้วยโฆษณาสินค้าคงคลังในร้านได้
- หน้าร้านในพื้นที่ที่ผลิตภัณฑ์โฮสต์
- หน้าร้านในพื้นที่ที่ Google โฮสต์
- หน้าร้านในพื้นที่ที่ผู้ขายโฮสต์
- หน้าร้านในพื้นที่ที่ Shopping โฮสต์
คุณต้องการลองใช้การเสนอราคาทุกช่องทาง แต่มีบางหมวดหมู่ที่เป็นแบบออฟไลน์เท่านั้น ข้อใดเป็นการตั้งค่าการเสนอราคาทุกช่องทางที่แนะนำ
- ระดับโฆษณา
- ระดับบัญชี
- ระดับแคมเปญ
- ระดับกลุ่มโฆษณา
ข้อใดเป็นงบประมาณและระยะเวลาที่แนะนำในการลงแคมเปญ Performance Max สำหรับเป้าหมายของร้านค้า
- ลงเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วันและใช้งบประมาณรายวัน $500
- ลงเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วันและใช้งบประมาณรายวัน $250
- ลงเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 วันและใช้งบประมาณรายวัน $250
- ลงเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 วันและใช้งบประมาณรายวัน $500
ระบบจะใช้สัญญาณที่ไม่ได้มาจาก Google Ads ในข้อใดในการประมาณการเข้าชมร้านค้า
- ผู้ให้บริการบุคคลที่สามที่ให้ข้อมูลจากผู้ใช้หลายร้อยล้านรายที่เลือกใช้และลงชื่อเข้าใช้
- การโต้ตอบกับชิ้นงานสถานที่ตั้งหรือชิ้นงานสถานที่ตั้งของแอฟฟิลิเอต
- การโต้ตอบกับโฆษณาออนไลน์แล้วจึงไปเข้าชมสถานที่ตั้งกิจการที่มีหน้าร้านจริง
- GPS, Wi-Fi และข้อมูลเครือข่ายจากผู้ใช้หลายร้อยล้านรายที่เลือกใช้และลงชื่อเข้าใช้
ส่วนเพิ่มคืออะไร
- คือวิธีการทดสอบครีเอทีฟโฆษณาแบบต่างๆ
- คือวิธีการวัดว่าการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้เป็นผลโดยตรงมาจากการเห็นแคมเปญโฆษณาหรือไม่
- คือการสร้างรูปแบบระดับบนสุดเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่กระตุ้นยอดขาย รวมถึงสื่อและปัจจัยภายนอกที่เป็นไปได้ทั้งหมด
- คือการระบุแหล่งที่มาที่ใกล้เคียงกับเวลาจริงเพื่อกระตุ้นธุรกิจระยะสั้นและการตัดสินใจเสนอราคา
ข้อใดเป็นคำแนะนำในการตั้งค่าแคมเปญ Performance Max สำหรับเป้าหมายการเข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง
- เพิ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจากฟีดสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์ในร้าน
- แบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามความพร้อมจำหน่ายสินค้าและประเภทผลิตภัณฑ์
- แบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามประสิทธิภาพและเป้าหมายทางธุรกิจ
- เพิ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจากฟีดผลิตภัณฑ์ในร้าน
แม้ Performance Max จะใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงในการเพิ่มประสิทธิภาพหลายๆ ฟีเจอร์ 3 ฟีเจอร์ใดที่คุณยังคงต้องเพิ่มด้วยตนเอง เลือก 2 คำตอบ
- ราคาเสนอ
- ชุดครีเอทีฟโฆษณา
- ครีเอทีฟโฆษณา
- งบประมาณ
- ตำแหน่งโฆษณา
คุณจะคำนวณมูลค่าที่ธุรกิจได้รับจากการเข้าชมร้านค้าได้อย่างไร
- (มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยที่ร้านค้า) x (อัตราการซื้อที่ร้านค้า) x (อัตราการซื้อออนไลน์) = มูลค่า Conversion การเข้าชมร้านค้า
- (อัตราการซื้อออนไลน์) x (มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยที่ร้านค้า) = มูลค่า Conversion การเข้าชมร้านค้า
- (อัตราการซื้อที่ร้านค้า) x (มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยที่ร้านค้า) = มูลค่า Conversion การเข้าชมร้านค้า
- (มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยที่ร้านค้า) x (อัตราการซื้อออนไลน์) = มูลค่า Conversion การเข้าชมร้านค้า
ข้อใดเป็นวัตุประสงค์ของ Google Merchant Center
- Merchant Center ช่วยให้คุณสามารถจัดการวิธีที่สินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์ทั้งในร้านค้าและทางออนไลน์แสดงใน Google
- Merchant Center ช่วยให้คุณจัดการข้อมูลร้านค้าและการแสดงข้อมูลดังกล่าวบน Google
- Merchant Center ช่วยให้คุณสร้างและแก้ไขสถานที่ตั้งของแอฟฟิลิเอตและชิ้นงานสถานที่ตั้ง
- Merchant Center ช่วยให้คุณสร้าง จัดการ และใช้งานแคมเปญ
ข้อใดเป็นช่องทางโฆษณาออฟไลน์แบบดั้งเดิม
- รีมาร์เก็ตติ้งใน Display
- โซเชียลมีเดีย
- อีเมล
- วิทยุ
ในเร็วๆ นี้จะมีกิจกรรมลดราคาช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งคุณต้องการโปรโมตกิจกรรมดังกล่าวโดยใช้ครีเอทีฟโฆษณา คุณคิดว่าจะต้องทำอย่างไร
- เริ่มแคมเปญล่วงหน้า 1 วันก่อนที่จะจัดกิจกรรมลดราคา จากนั้นปรับปรุงครีเอทีฟโฆษณาบ่อยๆ โดยเปลี่ยนจากครีเอทีฟโฆษณาทั่วไปของร้านให้เป็นแบบเน้นการลดราคา
- เริ่มแคมเปญล่วงหน้า 1 สัปดาห์ จากนั้นปรับปรุงครีเอทีฟโฆษณาโดยเปลี่ยนจากครีเอทีฟโฆษณาทั่วไปของร้านให้เป็นแบบเน้นการลดราคาในวันที่มีกิจกรรม
- เริ่มแคมเปญล่วงหน้า 2-3 วัน จากนั้นปรับปรุงครีเอทีฟโฆษณาโดยเปลี่ยนจากครีเอทีฟโฆษณาทั่วไปของร้านให้เป็นแบบเน้นการลดราคาในวันที่มีกิจกรรม
- เริ่มแคมเปญล่วงหน้า 2-3 สัปดาห์ จากนั้นปรับปรุงครีเอทีฟโฆษณาโดยเปลี่ยนจากครีเอทีฟโฆษณาทั่วไปของร้านให้เป็นแบบเน้นการลดราคา
คุณควรใช้แนวทางการเน้นร้านค้าเป็นหลักในสถานการณ์ใด
- ธุรกิจต้องการให้ลูกค้าที่ร้านสมัครรับจดหมายข่าวรายเดือน
- ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ต้องการสร้างโอกาสในการขายเพื่อโปรโมตแพ็กเกจบริการใหม่
- เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซต้องการเพิ่มประสิทธิภาพออนไลน์และผลตอบแทนจากการลงทุนตลอดเส้นทางของลูกค้าในโลกออนไลน์
- บริษัทของชำต้องการเพิ่มการเข้าชมหน้าร้านจริงและโปรโมตผลิตภัณฑ์ที่พร้อมจำหน่าย
คุณทำงานในทีมการตลาดของบริษัทฮาร์ดแวร์ขนาดเล็กที่มีแฟรนไชส์ 10 สาขา แฟรนไชส์แต่ละที่มีงบประมาณที่ต้องการใช้สำหรับการโปรโมตสาขาและเพิ่มการเข้าชมร้านค้า คุณจะให้คำแนะนำอย่างไร
- สร้าง 1 แคมเปญต่อ 1 สาขา
- สร้าง 1 แคมเปญต่อ 1 ประเทศ
- สร้าง 1 แคมเปญต่อ 1 ภูมิภาค
- สร้าง 1 แคมเปญต่อ 1 เมือง
เหตุการณ์ใดอาจเกิดขึ้นหากคุณเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อสร้าง Conversion ออนไลน์เพียงอย่างเดียว
- คุณอาจไม่ได้เข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าออฟไลน์เท่านั้นหรือค้นหาข้อมูลออนไลน์แต่ซื้อสินค้าที่ร้านค้า
- คุณอาจไม่ได้เข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่ดูโฆษณาของคุณ
- คุณอาจไม่ได้เข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่มีส่วนร่วมกับรูปแบบโฆษณาทั้งหมด
- คุณอาจไม่ได้เข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่แสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์
คุณเป็นเจ้าของร้านจักรยานขนาดเล็กและต้องการทราบเส้นทางของลูกค้าระหว่างการมีส่วนร่วมกับโฆษณาและการเข้าชมร้านค้า คุณควรใช้เมตริกใด
- การกระทำจากโฆษณา
- การกระทำเกี่ยวกับสถานที่
- การเข้าชมร้านค้า
- ยอดขายในร้าน
คุณควรใช้ชิ้นงานสถานที่ตั้งของแอฟฟิลิเอตในกรณีใด
- เมื่อผู้ลงโฆษณาขายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการด้วยช่องทางระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ
- เมื่อผู้ลงโฆษณาขายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการผ่านหน้าร้านที่ตนเองเป็นเจ้าของโดยตรง
- เมื่อผู้ลงโฆษณาขายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการผ่านผู้ผลิตรายอื่น
- เมื่อผู้ลงโฆษณาขายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการผ่านหน้าร้านที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ
ตัวเลือก 3 ข้อใดต่อไปนี้เป็นแนวทางสำหรับยอดขายออฟไลน์ เลือก 3 คำตอบ
- เข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง + เน้นร้านค้าเป็นหลัก
- เข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง
- ออนไลน์
- เน้นร้านค้าเป็นหลัก
- ออนไลน์ + เข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง
ข้อใดเป็นความถี่ขั้นต่ำที่แนะนำในการอัปเดตฟีดสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์ในร้าน
- รายเดือน
- รายสัปดาห์
- รายไตรมาส
- รายวัน
คุณเพิ่งเปิดตัวโปรตีนบาร์ออร์แกนิกตัวใหม่และมีแผนที่จะขายสินค้าในร้านค้าปลีกรายใหญ่รายหนึ่ง คุณควรใช้ชิ้นงานใดเมื่อตั้งค่าแคมเปญ Performance Max สำหรับเป้าหมายของร้านค้า
- ชิ้นงานสถานที่ตั้งกับเครือที่ Google ดูแลจัดการ
- ชิ้นงานสถานที่ตั้งกับ Business Profile
- ชิ้นงานสถานที่ตั้งของแอฟฟิลิเอตกับเครือที่ Google ดูแลจัดการ
- ชิ้นงานสถานที่ตั้งของแอฟฟิลิเอตกับกลุ่มสถานที่ตั้งทั่วไป
กลุ่มควบคุมคืออะไร
- คือกลุ่มที่รวมอยู่ในการทดสอบแต่ยังคงแยกจากการทดสอบบางส่วน
- คือกลุ่มที่แยกจากการทดสอบส่วนอื่นๆ แต่ยังคงอยู่ในการทดสอบดังกล่าว
- คือกลุ่มที่แยกจากการทดสอบส่วนอื่นๆ
- คือกลุ่มที่รวมอยู่ในการทดสอบ
แคมเปญ Performance Max สำหรับเป้าหมายการเข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทางแตกต่างจากแคมเปญ Smart Shopping (SSC) ใน 2 ด้านใด เลือก 2 คำตอบ
- Performance Max มีพื้นที่โฆษณาเหมือนกับ SSC โดยมีรูปแบบเพิ่มเติมสำหรับแสดงผลิตภัณฑ์ เช่น โฆษณาในสตรีมบน YouTube, โฆษณาแบบข้อความ และโฆษณา Display
- Performance Max ช่วยให้เป้าหมายทางการตลาดสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจทั้งยอดขายออนไลน์และการขายจากทุกช่องทาง
- Performance Max ให้ผู้ใช้เลือกใช้ Smart Bidding ซึ่งใช้แมชชีนเลิร์นนิงในการเพิ่มประสิทธิภาพการเสนอราคา
- Performance Max มีรูปแบบสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เจาะจงเพื่อรองรับวัตถุประสงค์ทางการตลาดทั้งยอดขายออนไลน์และการขายจากทุกช่องทาง
ข้อใดเป็นสิ่งที่ทีมการตลาดของร้านค้าหรือทีมการตลาดแบบดั้งเดิมควรให้ความสำคัญมากที่สุด
- เพิ่มยอดขายที่สำคัญผ่านอีคอมเมิร์ซ
- เพิ่มยอดขายดิจิทัลผ่านช่องทางการตลาดดิจิทัล
- เพิ่มยอดขายในร้านค้าด้วยช่องทางการตลาดต่างๆ
- เพิ่มยอดขายในร้านค้าให้กับแฟรนไชส์ต่างๆ
ตัวเลือก 2 ข้อใดต่อไปนี้เป็นข้อกำหนดในการรายงานการเข้าชมร้านค้า เลือก 2 คำตอบ
- คีย์เวิร์ดสำหรับโฆษณา Search
- มีข้อมูลเพียงพอที่จะผ่านเกณฑ์คุณภาพของรูปแบบและความเป็นส่วนตัว
- ตั้งค่าส่วนชิ้นงานสถานที่ตั้งหรือชิ้นงานสถานที่ตั้งของแอฟฟิลิเอต
- มีการลิงก์กับบัญชี Business Profile
ข้อใดเป็นเครื่องมืออัตโนมัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้เลือกซื้อออนไลน์และออฟไลน์
- Smart Bidding
- ไซต์ลิงก์
- การแทรกโฆษณาแบบไดนามิก
- การเสนอราคาด้วยตนเอง
เมื่อเกิดการเข้าชมร้านค้า ระบบจะตรวจสอบข้อมูลผ่านกลุ่มผู้ใช้ที่อาสาเข้าร่วมใน Google Opinion Rewards มีผู้ใช้ที่อาสากี่คน
- 100,000
- 500,000
- 5 ล้าน
- 1 ล้าน
ข้อใดคือประโยชน์ของโฆษณาสินค้าคงคลังในร้าน
- คุณสามารถสร้างโอกาสในการขายด้วยการกระตุ้นให้ลูกค้าลงชื่อสมัครรับจดหมายข่าวรายเดือน
- คุณสามารถตั้งค่าและเพิ่มการเข้าชมหน้าร้านจริงในสาขาได้โดยการใช้ชิ้นงานสถานที่ตั้ง
- ช่วยเพิ่มการเข้าถึงผู้เลือกซื้อที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กับร้านของคุณและแนะนำสินค้าที่พร้อมจำหน่ายหน้าร้าน รวมถึงสินค้าขายดีและสินค้าลดราคา
- คุณสามารถตั้งการกำหนดเป้าหมายจากคีย์เวิร์ดในแคมเปญเพื่อเข้าถึงลูกค้าที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม
คุณสามารถใช้วิธีการใดในการระบุว่าโฆษณาสร้างผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้น
- อิงตามร้านค้า
- อิงตามผลิตภัณฑ์
- อิงตามภูมิศาสตร์
- อิงตามผู้ใช้
ข้อใดคือประโยชน์ของการรับสินค้าในภายหลัง
- ช่วยให้คุณแสดงผลิตภัณฑ์ที่พร้อมสำหรับการรับสินค้านอกร้าน
- ช่วยให้คุณนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แสดงอยู่ในร้านแต่ไม่พร้อมจำหน่ายในขณะนี้
- ช่วยให้คุณแสดงผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้เปิดตัว
- ช่วยให้คุณโปรโมตผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่พร้อมจำหน่ายที่ร้านค้า แต่จะพร้อมจำหน่ายผ่านการมารับสินค้าที่ร้านในอีกไม่กี่วัน
กรณีใดที่ควรใช้ชิ้นงานสถานที่ตั้งแทนที่จะใช้ชิ้นงานสถานที่ตั้งของแอฟฟิลิเอต
- คุณขายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการที่เครือร้านค้าขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดเล็ก
- คุณเป็นเจ้าของธุรกิจและต้องการกระตุ้นให้ผู้คนเข้าชมร้านของคุณ
- คุณขายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการที่ร้านค้าปลีกอื่นๆ และต้องการกระตุ้นให้ผู้คนเข้าชมหน้าร้านดังกล่าว
- คุณขายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการในร้านค้าที่มีแบรนด์เดียวกัน
ข้อใดเป็นวิธีที่คุณใช้สื่อสารกับทีมเมื่อวางกลยุทธ์ออนไลน์สู่ออฟไลน์ได้
- ตั้ง KPI และวัตถุประสงค์ทางธุรกิจด้านออนไลน์สู่ออฟไลน์แยกกันสำหรับแต่ละทีม
- พบปะแต่ละทีมแยกกันเพื่อศึกษากลยุทธ์ O2O ของทีม
- ทำตามขั้นตอนการตลาดแบบดั้งเดิมที่สร้างขึ้นมาเพื่อทีมออนไลนและออฟไลน์
- ถามคำถามที่กระตุ้นให้คิดเพื่อวางเป้าหมายทางธุรกิจและกลุ่มลูกค้าให้สอดคล้องกัน
นอกจากการเข้าชมร้านค้าแล้ว ข้อใดเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวัดยอดขายในร้านค้า
- ข้อมูลจากชิ้นงานสถานที่ตั้ง
- การมีส่วนร่วมกับแผนที่
- การมีส่วนร่วมกับโฆษณา
- แบบสำรวจ
ธุรกิจในอุตสาหกรรมใดมีแนวโน้มที่จะได้รับผลประโยชน์จากแคมเปญ Performance Max สำหรับเป้าหมายของร้านค้า เลือก 3 คำตอบ
- ค้าปลีก
- อีคอมเมิร์ซ
- ร้านอาหารจานด่วน
- รถยนต์
- โรงแรม
คุณสามารถใช้แคมเปญ Shopping การเข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทางเมื่อใด
- เมื่อผลิตภัณฑ์อีคอมเมิร์ซและผลิตภัณฑ์ในร้านค้าไม่มีความคล้ายกันอย่างมาก
- เมื่อไม่มีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
- เมื่อผลิตภัณฑ์อีคอมเมิร์ซและผลิตภัณฑ์ในร้านค้ามีความคล้ายกันอย่างมาก
- เมื่อมีงบประมาณออนไลน์และออฟไลน์แยกกัน
ข้อใดเป็นสิ่งที่ลูกค้าจากทุกช่องทางจะทำเมื่อตัดสินใจซื้อ
- ลูกค้าจากทุกช่องทางจะทำการซื้อที่ร้านเท่านั้นและสร้างยอดขายให้ได้มากกว่า
- ลูกค้าจากทุกช่องทางโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์หรือบริการในร้านมากกว่าทางออนไลน์
- ลูกค้าจากทุกช่องทางโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์หรือบริการในรูปแบบดิจิทัลหลายครั้งก่อนจะซื้อ
- ลูกค้าจากทุกช่องทางจะทำการซื้อแยกกันระหว่างออนไลน์และด้วยตนเอง
แหล่งข้อมูลตำแหน่งในข้อใดกำหนดให้คุณต้องตั้งค่าบัญชีและลิงก์บัญชีกับ Google Ads
- Business Profile
- Google Ads
- Google Merchant Center
- เครือที่ Google ดูแลจัดการ
คุณจำเป็นต้องเพิ่มข้อมูลในข้อใดด้วยตนเองเมื่อตั้งค่าแคมเปญ Performance Max สำหรับเป้าหมายของร้านค้า
- ครีเอทีฟโฆษณา
- ชุดครีเอทีฟโฆษณา
- ราคาเสนอ
- ตำแหน่งโฆษณา
หลังจากอัปโหลดฟีดสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์ในร้านและจัดตารางเวลาฟีดแล้ว คุณควรทำสิ่งใดต่อ
- เปิดใช้โปรแกรมโฆษณาสินค้าคงคลังในร้าน
- ขอรับการยืนยันสินค้าคงคลัง
- สร้างแคมเปญโฆษณาสินค้าคงคลังในร้าน
- อัปโหลดสถานที่ตั้งใน Business Profile
คุณทำการตลาดให้กับผู้ค้าปลีกรายเล็กที่มีธุรกิจอีคอมเมิร์ซอยู่แล้ว ลูกค้ารายนี้กำลังจะขยายสาขาเป็น 20 สาขาในอีกไม่กี่เดือน โดยมีเป้าหมายคือเพิ่มยอดขายโดยรวมทั้งออนไลน์และที่ร้านค้า คุณควรใช้แนวทางใดเพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายนี้
- เข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง
- เข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง + เน้นร้านค้าเป็นหลัก
- เน้นร้านค้าเป็นหลัก
- ออนไลน์ + เข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง
การมีส่วนร่วมในข้อใดจะได้รับการรายงานเป็นการกระทำเกี่ยวกับสถานที่
- การคลิกเพื่อโทร
- การรีวิวแอป
- การอ่านรีวิว
- การโต้ตอบกับเว็บไซต์
คุณทำงานให้เอเจนซีที่จัดการบัญชีผู้ค้าปลีกรายใหญ่หลายบัญชี บัญชีหนึ่งเป็นผู้ค้าปลีกที่เป็นเจ้าของร้านค้าและต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์และออฟไลน์ ลูกค้ารายนี้ไม่มั่นใจว่าบัญชี Business Profile, Merchant Center และ Google Ads จะทำงานร่วมกันได้อย่างไรและขอให้คุณช่วยอธิบาย คุณจะตอบอย่างไร
- Business Profile จัดการแคมเปญ, Merchant Center จัดการข้อมูลของร้านค้า และ Google Ads จัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์
- Business Profile จัดการข้อมูลของร้านค้า, Merchant Center จัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์ และ Google Ads จัดการแคมเปญ
- Business Profile จัดการข้อมูลของร้านค้า, Merchant Center จัดการแคมเปญ และ Google Ads จัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์
- Business Profile จัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์, Merchant Center จัดการแคมเปญ และ Google Ads จัดการข้อมูลของร้านค้า
การทดสอบที่อิงตามภูมิศาสตร์คืออะไร
- การทดสอบเชิงภูมิศาสตร์ใช้ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ที่ไม่ซ้อนทับกัน ซึ่งได้รับการสุ่มให้อยู่ในกลุ่มควบคุมหรือกลุ่มตัวอย่าง
- การทดสอบเชิงภูมิศาสตร์ใช้ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ที่สุ่มขึ้นและได้รับการกำหนดให้อยู่ในกลุ่มตัวอย่าง
- การทดสอบเชิงภูมิศาสตร์ใช้ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ที่สุ่มขึ้นและได้รับการกำหนดให้อยู่ในกลุ่มควบคุม
- การทดสอบเชิงภูมิศาสตร์ใช้ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ที่ซ้อนทับกัน ซึ่งได้รับการกำหนดให้อยู่ในกลุ่มควบคุมหรือกลุ่มตัวอย่าง
ข้อใดเป็นแอตทริบิวต์ที่ต้องระบุในฟีดสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์ในร้าน
- รหัสสถานที่ตั้ง
- product_type
- รหัสร้านค้า
- item_code
สมมุติว่าผู้เลือกซื้อโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์หรือบริการหลายครั้งในโลกออนไลน์ก่อนที่จะซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการดังกล่าวที่ร้านค้า คุณควรใช้กลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทางอย่างไร
- สร้างกลยุทธ์การตลาดสำหรับช่องทางออนไลน์และออฟไลน์แยกกัน
- เข้าถึงลูกค้าไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ในส่วนใดของเส้นทางการเลือกซื้อทางดิจิทัล
- กระตุ้นให้ลูกค้าเลือกซื้อในช่องทางที่คุณต้องการ
- หาช่องทางโฆษณาออฟไลน์หลายช่องทางเพื่อเข้าถึงลูกค้า
คุณต้องการเปรียบเทียบกลยุทธ์การเสนอราคาด้วยตนเองในแคมเปญ Smart Bidding สำหรับการเข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง วิธีการใดจะช่วยให้คุณทดสอบกลยุทธ์นี้ได้
- ส่วนเพิ่ม
- Geo-X
- การทดสอบแคมเปญ
- อิงตามผู้ใช้
กลยุทธ์ Smart Bidding ใน 3 ข้อใดช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อสร้างการกระทำที่ถือเป็น Conversion ออฟไลน์ได้ เลือก 3 คำตอบ
- เพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด
- ต้นทุนต่อการกระทำหนึ่งครั้งที่ตั้งไว้ (tCPA)
- ผลตอบแทนเป้าหมายจากค่าโฆษณา (tROAS)
- ราคาต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM)
- ต้นทุนต่อคลิก (CPC)
ระบบจะวัดการเข้าชมร้านค้าได้อย่างไร
- เมื่อผู้ใช้ซื้อสินค้าที่ร้านค้า Google จะระบุว่าแหล่งที่มาของการเข้าชมร้านค้ามาจาก Conversion จากโฆษณา
- เมื่อผู้ใช้มีส่วนร่วมกับโฆษณาแล้วไปที่ร้านค้าของคุณ Google จะระบุว่าแหล่งที่มาของการเข้าชมร้านค้ามาจากการมีส่วนร่วมกับโฆษณาในรูปแบบที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว
- เมื่อผู้ใช้ซื้อสินค้าออนไลน์แล้วไปที่ร้านค้าของคุณ Google จะระบุว่าแหล่งที่มาของการเข้าชมร้านค้ามาจากการซื้อออนไลน์และการมีส่วนร่วม
- เมื่อผู้ใช้เห็นโฆษณาแล้วไปที่ร้านค้าของคุณ Google จะระบุว่าแหล่งที่มาของการเข้าชมร้านค้ามาจากการดูโฆษณา
คุ้มค่าที่สุด
- ข้อเสนอพิเศษ Google Ads Roll
- ข้อเสนอพิเศษ Google Marketing Platforms
- ข้อเสนอพิเศษ Google SkillShop Roll
โปรแกรมการรับรองบางโปรแกรมไม่มีให้บริการในภาษาไทย หากคุณกำลังมองหาคำตอบสำหรับโปรแกรมการรับรองอื่นๆ 👉 โปรดดูเวอร์ชันเว็บไซต์ภาษาอังกฤษของเรา